โดยปกติโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการใช้เชื้อเพลิง หรือใช้ความร้อนในกระบวนการผลิต มักจะมีความร้อนเหลือทิ้ง เช่นความร้อนจากไอเสียของเตาเผา , ความร้อนจากไอเสียของ Boiler และความร้อนเหลือทิ้งจากการระบายความร้อนของระบบทำความเย็น หรือระบบปรับอากาศ ซึ่งการนำความร้อนเหลือทิ้งมาใช้ประโยชน์จะช่วยให้สามารถลดการใช้พลังงาน หรือลดการใช้เชื้อเพลิงของระบบเดิมลงได้ โดยในที่นี้จะขอกล่าวถึงเฉพาะการนำความร้อนเหลือทิ้งจากการระบายความร้อนของระบบทำความเย็นในอุตสาหกรรมอาหาร ไปใช้อุ่นน้ำป้อน Boiler

https://mitr.com/wp-content/uploads/2023/06/article_10_1.png

ในอุตสาหกรรมอาหาร ส่วนใหญ่มักมีการใช้ Boiler ในกระบวนการทำอาหารให้สุก หรือฆ่าเชื้อโรค และมีระบบทำความเย็นสำหรับเก็บ หรือแช่แข็งอาหาร ซึ่งทั้ง 2 ระบบดังกล่าวจะใช้พลังงานในสัดส่วนที่สูง ดังนั้นเพื่อการอนุรักษ์พลังงานสามารถประยุกต์นำระบบ Heat Recovery มาใช้ โดยการนำความร้อนเหลือทิ้งจากการระบายความร้อนของระบบทำความเย็น ไปใช้อุ่นน้ำป้อน Boiler

https://mitr.com/wp-content/uploads/2023/06/article_10_2.png

การแลกเปลี่ยนความร้อนระหว่างสารทำความเย็นก่อนระบายความร้อนกับน้ำป้อน Boiler จะแลกเปลี่ยนผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่า Heat Exchanger ซึ่งจะถูกออกแบบมาเฉพาะให้เหมาะสมกับปริมาณความร้อนเหลือทิ้ง อัตราการไหลของน้ำป้อน และอุณหภูมิน้ำป้อน Boiler ที่ต้องการ

https://mitr.com/wp-content/uploads/2023/06/article_10_3.png

จาก Diagram หลังปรับปรุงระบบอุณหภูมิน้ำป้อน Boiler ก่อนเข้า Deaerator Tank จะสูงขึ้นเช่นอุณหภูมิน้ำป้อนจาก 28 oC เพิ่มเป็น 60 oC เป็นต้นส่งผลให้ Boiler ทั้งระบบใช้พลังงานเชื้อเพลิงลดลง (อุณหภูมิน้ำป้อนหลังปรับปรุงขึ้นอยู่กับปริมาณความร้อนเหลือทิ้ง และการออกแบบ Heat Exchanger)

ตัวอย่าง: อุตสาหกรรมอาหารแห่งหนึ่งมีปริมาณน้ำป้อน Boiler เฉลี่ย 15 m3/hr ที่อุณหภูมิน้ำป้อน 28 oC โดยได้มีการนำระบบ Heat Exchanger มาใช้และออกแบบให้อุณหภูมิน้ำที่ออกจาก Heat Exchangerประมาณ 60 oC ส่งผลให้ประหยัดพลังงานเชื้อเพลิงดังนี้

ถ้ากำหนดให้ปริมาณการใช้ไอน้ำในการกระบวนการผลิตคงที่ทั้งสภาวะก่อน/หลังปรับปรุงปริมาณความร้อนของน้ำป้อนที่เพิ่มขึ้น หรือปริมาณเชื้อเพลิงที่ลดลงจะเท่ากับ

ผลประหยัด = 15,000 kg/hr x 1 kcal/kg-oC x (60 oC – 28 oC) = 480,000 kcal/hr หรือคิดเป็นเชื่อเพลิงที่ประหยัดได้ เท่ากับ (คิดที่การใช้งาน Boiler24 hr/day, 300 day/yr)

  • 576 Ton/yr สำหรับการใช้เชื้อเพลิงถ่านหิน (คิด LHV ที่ 6,000 kcal/kg)
  • 13,710 MMBTU/yr สำหรับการใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (คิด LHV ที่ 253,119 kcal/MMBTU)
  • 348,950 Liter/yr สำหรับการใช้เชื้อเพลิงน้ำมันเตาเกรด C(คิด LHV ที่ 9,904 kcal/Liter)

หมวดหมู่:

บทความที่เกี่ยวข้อง

หลังจากที่ US Green Building Council ได้ออกเกณฑ์การประเมินอาคารเขียวในชื่อ LEED เกณฑ์นี้ก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วไปทั่วโลก มีอาคารหลายแห่งในหลายประเทศ สนใจเข้าร่วมรับการประเมิน กว่า 26,000 อาคารแล้ว และมีอีกหลายประเทศที่ได้พัฒนาเกณฑ์ขึ้นมาใช้เอง เช่น สหราชอาณาจักร สิงคโปร์ ญี่ปุ่น รวมถึง ประเทศไท

Read More

การอนุรักษ์พลังงานในระบบแสงสว่างในตอนที่ 1 และ 2 ได้พูดถึงวิธีการประหยัดพลังงานโดยการ “ปิดเมื่อไม่ใช้งาน” และ “ใช้งานบัลลาสต์ประสิทธิภาพสูง” และ “ใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์ประสิทธิภาพสูง T5 ทดแทนหลอดขนาด T8” โดยการปรับปรุงจริงก็ควรพิจารณาเรื่องอายุการใช้งาน การรับประกันหลอดไฟ หรือ Ballast และความเหมาะสมขอ

Read More

จากการที่ได้ผมได้มีส่วนร่วมในการออกแบบอาคารเขียว ตามเกณฑ์ของ US Green Building Council ที่มีชื่อว่า LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) มาหลายโครงการทำให้พบว่าถึงแม้เกณฑ์ดังกล่าวจะเป็นเกณฑ์ที่ดีมากสำหรับการแบ่งประเภทของอาคารเขียวว่า มีการประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อมมากน้อยต่างก

Read More

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า