น้ำ คือ ปัจจัยพื้นฐานของการดำรงชีวิตของมนุษย์ทุกคน และคุณสมบัติของน้ำ สามารถเป็นของแข็ง,ของเหลวและก๊าซได้ ซึ่งการที่จะใช้ประโยชน์ในแต่ละสถานะนั้นก็แตกต่างกัน บทความนี้ ขอกล่าวถึงการใช้ประโยชน์ในสถานะก๊าซเท่านั้น หรือที่เรียกว่า ไอน้ำ ทำไมเราจึงต้องใช้ไอน้ำและศึกษาเรื่องไอน้ำ ซึ่งสมัยก่อนใช้ไอน้ำเพีย
โดยปกติโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการใช้เชื้อเพลิง หรือใช้ความร้อนในกระบวนการผลิต มักจะมีความร้อนเหลือทิ้ง เช่นความร้อนจากไอเสียของเตาเผา , ความร้อนจากไอเสียของ Boiler และความร้อนเหลือทิ้งจากการระบายความร้อนของระบบทำความเย็น หรือระบบปรับอากาศ ซึ่งการนำความร้อนเหลือทิ้งมาใช้ประโยชน์จะช่วยให้สามารถลดการใช้พลังงาน หรือลดการใช้เชื้อเพลิงของระบบเดิมลงได้ โดยในที่นี้จะขอกล่าวถึงเฉพาะการนำความร้อนเหลือทิ้งจากการระบายความร้อนของระบบทำความเย็นในอุตสาหกรรมอาหาร ไปใช้อุ่นน้ำป้อน Boiler
ในอุตสาหกรรมอาหาร ส่วนใหญ่มักมีการใช้ Boiler ในกระบวนการทำอาหารให้สุก หรือฆ่าเชื้อโรค และมีระบบทำความเย็นสำหรับเก็บ หรือแช่แข็งอาหาร ซึ่งทั้ง 2 ระบบดังกล่าวจะใช้พลังงานในสัดส่วนที่สูง ดังนั้นเพื่อการอนุรักษ์พลังงานสามารถประยุกต์นำระบบ Heat Recovery มาใช้ โดยการนำความร้อนเหลือทิ้งจากการระบายความร้อนของระบบทำความเย็น ไปใช้อุ่นน้ำป้อน Boiler
การแลกเปลี่ยนความร้อนระหว่างสารทำความเย็นก่อนระบายความร้อนกับน้ำป้อน Boiler จะแลกเปลี่ยนผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่า Heat Exchanger ซึ่งจะถูกออกแบบมาเฉพาะให้เหมาะสมกับปริมาณความร้อนเหลือทิ้ง อัตราการไหลของน้ำป้อน และอุณหภูมิน้ำป้อน Boiler ที่ต้องการ
จาก Diagram หลังปรับปรุงระบบอุณหภูมิน้ำป้อน Boiler ก่อนเข้า Deaerator Tank จะสูงขึ้นเช่นอุณหภูมิน้ำป้อนจาก 28 oC เพิ่มเป็น 60 oC เป็นต้นส่งผลให้ Boiler ทั้งระบบใช้พลังงานเชื้อเพลิงลดลง (อุณหภูมิน้ำป้อนหลังปรับปรุงขึ้นอยู่กับปริมาณความร้อนเหลือทิ้ง และการออกแบบ Heat Exchanger)
ตัวอย่าง: อุตสาหกรรมอาหารแห่งหนึ่งมีปริมาณน้ำป้อน Boiler เฉลี่ย 15 m3/hr ที่อุณหภูมิน้ำป้อน 28 oC โดยได้มีการนำระบบ Heat Exchanger มาใช้และออกแบบให้อุณหภูมิน้ำที่ออกจาก Heat Exchangerประมาณ 60 oC ส่งผลให้ประหยัดพลังงานเชื้อเพลิงดังนี้
ถ้ากำหนดให้ปริมาณการใช้ไอน้ำในการกระบวนการผลิตคงที่ทั้งสภาวะก่อน/หลังปรับปรุงปริมาณความร้อนของน้ำป้อนที่เพิ่มขึ้น หรือปริมาณเชื้อเพลิงที่ลดลงจะเท่ากับ
ผลประหยัด = 15,000 kg/hr x 1 kcal/kg-oC x (60 oC – 28 oC) = 480,000 kcal/hr หรือคิดเป็นเชื่อเพลิงที่ประหยัดได้ เท่ากับ (คิดที่การใช้งาน Boiler24 hr/day, 300 day/yr)
- 576 Ton/yr สำหรับการใช้เชื้อเพลิงถ่านหิน (คิด LHV ที่ 6,000 kcal/kg)
- 13,710 MMBTU/yr สำหรับการใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (คิด LHV ที่ 253,119 kcal/MMBTU)
- 348,950 Liter/yr สำหรับการใช้เชื้อเพลิงน้ำมันเตาเกรด C(คิด LHV ที่ 9,904 kcal/Liter)
หมวดหมู่:
บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้และความเข้าใจสำหรับผู้ที่สนใจในการออกแบบงานระบบประกอบในโรงพยาบาล เพื่อเป็นแนวทางในการอ้างอิงมาตรฐานที่ใช้ในการออกแบบงานระบบ และเพื่อให้มั่นใจว่าระบบที่ได้ดำเนินการออกแบบแล้วมีความครบถ้วน และมีประสิทธิภาพในการออกแบบที่เป็นไปตามมาตรฐานและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง งานระบบใน
อาคารสำนักงานในปัจจุบันนั้น เป็นสถานที่ที่ผู้คนหลายคนใช้เวลาเกือบทั้งวันอยู่ในอาคาร บางทีอาจจะมากกว่าอยู่ในบ้านพักอาศัยด้วยซ้ำ หลายอาคารในอดีตได้ก่อสร้างโดยละเลยความสำคัญของผู้ใช้งานในอาคาร ทำให้เกิดโรคเจ็บป่วยจากการใช้งานอาคาร (Sick Building Syndrome)ได้แก่ การเหนื่อยล้าง่าย ง่วง สมองไม่ปลอดโปร่ง ห